top of page
  • รูปภาพนักเขียนblog.organicshop44

ข้องใจ! เห็ดหลินจือ มีข้อเสีย ผลข้างเคียงไหม?

อัปเดตเมื่อ 15 มี.ค. 2565

อันตราย โทษหรือผลข้างเคียงหรือเปล่า?

กินเห็ดหลินจือแล้วมีอาการแพ้ ง่วงนอน คัน ฉี่บ่อย แต่เป็นผลจากสารสำคัญจากเห็ดหลินจือ ทำปฏิกิริยากับสารพิษที่ตกค้างในร่างกายที่อาจสะสมมานาน

สมุนไพร “เห็ดหลินจือ” นอกจากสรรพคุณเด่นที่มีฤทธิ์ทางยาในการบำรุงร่างกาย และช่วยบำบัดรักษาอาการของโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดีแล้ว ตามตำรับการแพทย์จีนโบราณ

เห็ดหลินจือยังช่วยขับสารพิษ กำจัดสารพิษในเลือด ขับโรคภัย ล้างสารพิษ

รวมถึงกำจัดของเสีย สิ่งแปลกปลอมที่ตกค้างออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการขับเชื้อโรค เชื้อไวรัส สารเคมีปนเปื้อน นิ่ว เลือดคั่ง เนื้องอก ได้อีกด้วย
โดยพิษเชื้อโรคต่างๆ จะถูกขับถ่ายทางทวารต่างๆ ของร่างกาย ในรูปแบบของ ปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อตามผิวหนัง ประจำเดือนของผู้หญิง ฯลฯ


ทานเห็ดหลินจือ มีผลข้างเคียง อันตรายหรือไม่?

จากผลการทดลองและวิจัยทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์ ทั้งในและต่างประเทศที่รับประกันความปลอดภัยว่า

"การกินเห็ดหลินจืออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน"

พบว่าเห็ดหลินจือไม่มีพิษ ไม่ส่งผลอันตราย หรือผลข้างเคียงต่อร่างกายแต่อย่างใด


แต่บางคนที่หลังจากกินเห็ดหลินจือในระยะแรก อาจจะมีอาการตอบรับบางอย่าง

เหมือนอาการแพ้ เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปากแห้ง ท้องผูกหรือท้องเสีย ง่วงนอน คัน ฉี่บ่อย ท้องอืด ปวดท้อง ปวดหัว ซึ่งเป็นอาการที่สารอาหารในเห็ดหลินจือทำปฏิกิริยากับสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย


หากมีอาการดังกล่าวให้ลดปริมาณการรับประทานเห็ดหลินจือลงประมาณ 3-4 วัน อาการต่างๆ จะหายไป

ควรรับประทานร่วมกับวิตามินซี ซึ่งจะทำให้อาการตอบรับมีอาการน้อยลง ร่างกายฟื้นตัวเร็ว และเกิดอาการข้างเคียงน้อยลง


ดังนั้นผู้ทานเห็ดหลินจือ จึงไม่ควรตกใจและต้องทำความเข้าใจว่า...


อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่ามิใช่อาการแพ้ หรือผลข้างเคียง (Side Effect) ของเห็ดหลินจือ ไม่ควรหยุดทาน เมื่ออาการดีขึ้นจึงค่อยกลับมากินในปริมาณปกติ


สำหรับผู้ที่ทานยาแผนปัจจุบันอยู่ไม่ควรหยุดยาของแพทย์ แต่ควรทานเห็ดหลินจือหลังจากทานยาแผนปัจจุบันไปแล้วประมาณ 1 ช.ม ซึ่งจะเป็นผลดีต่อร่างกายในการบำบัดโรค

ตามแนวทางทฤษฎี “การแพทย์ผสมผสาน”


วิธีดูแลสุขภาพ

ประโยชน์เห็ดหลินจือ ไม่มีผลข้างเคียง ช่วยป้องกันรักษาสารพัดโรค ให้ร่างกายแข็งแรง


ซึ่งไม่ได้น่ากลัวและยังสามารถจะกินเห็ดหลินจือต่อไปได้อย่างปกติด้วย เนื่องจากร่างกายแต่ละคนมีโรคและการตอบสนองต่อตัวยาในเห็ดหลินจือแตกต่างกัน จึงอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติดังต่อไปขึ้นได้

16 อาการ จากผลข้างเคียงของเห็ดหลินจือ

ร่างกายจะแสดงอาการขับพิษ ของเห็ดหลินจือออกมาในรูปแบบต่างๆ ดังนี้
  1. มีอาการปวดกลาง ศรีษะ ถึงท้ายทอย ร่วมกับอาการมึน > ความดันต่ำ ขาดสารอาหาร ระบบเลือดหล่อเลี้ยงสมองไม่ดี

  2. มีขี้ตาออกเป็นก้อน > สภาวะตับเสื่อม ทำงานขับพิษได้ไม่ดี

  3. ปวดขมับ มึนท้ายทอย อาจมีเพียง อาการเดียว หรือทั้ง 2 อาการพร้อมกัน > ความดันโลหิตสูง

  4. มึนทั้งหัว พร้อมกับวิงเวียนศีรษะด้วย > ความดันสูง มีไขมันในเส้นเลือดสูง

  5. ปวดข้อส่วนบน หรือข้อนิ้ว > โรครูมาตอยท์

  6. น้ำตาไหล เจ็บไหล่ซ้ายมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย > สภาวะปอดเสื่อม ระบบหายใจไม่ดี

  7. ปวดไหล่ขวา มีขี้ตาออก > สภาวะปอดเสื่อม

  8. น้ำมูกใสๆไหลตลอดประมาณ 3-5 วัน > เป็นภูมิแพ้, โรคไซนัส, ทางเดินหายใจอักเสบ

  9. หายใจถี่มาก ใจสั่น > มีสภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ

  10. จุกเสียดลิ้นปี่ หน้าอก > กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กอักเสบ ระบบดูดซึมไม่ดี

  11. จุกด้านหลัง,ท้องอืด,อึดอัด > ริดสีดวงทวาร การทำงานของระบบขับถ่ายและลำไส้ใหญ่ไม่ดี

  12. ปวดหัวเหน่า > มดลูก กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากเสื่อม

  13. เสมหะมาก คอแห้งผาก > ระบบหลอดลม ทางเดินหายใจ มีความสกปรก อุดตัน

  14. ปวดสะโพก เข่า ข้อเท้า อย่างมาก > สภาวะกรดยูริคสูง โรคเก๊าท์

  15. ปวดร้อนร่างกายท่อนบน ร้อนตัววูบวาบ > ระบบหมุนเวียนของโลหิตไม่ดี

  16. ปวดเอว > เป็นโรคไต ระบบขับถ่ายของเสียไม่ดี


เห็ดหลินจือสุดยอดสมุนไพร ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

ซึ่งในทางการแพทย์มีการวิจัยทดสอบสรรพคุณของเห็ดหลินจือ จนได้ผลยืนยันว่าช่วยบำบัดรักษาโรคได้หลายชนิด

ทั้ง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ ต้านการอักเสบ กำจัดและป้องกันอนุมูลอิสระ บำรุงเส้นประสาทไม่ให้เสื่อมเร็ว ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น ช่วยปรับสมดุลต่างๆ ภายในร่างกาย



ตัวอย่าง หลังกินเห็ดหลินจือ ไม่ใช่อาการข้างเคียง แต่เป็นผลตอบรับของสารออกฤทธิ์


ช่วงระยะในการทานสปอร์เห็ดหลินจือแดงรักษาโรค น้ำตาลในเลือดอาจจะเพิ่มสูงขึ้นมากหรือน้อยก็แล้วแต่อาการของโรค ซึ่งเป็นกระบวนการในการรักษาของหลินจือจะไปดึงหรือขับน้ำตาลที่สะสมในเลือด และในเซลล์ของร่างกายออกมาแต่ผู้ป่วยจะไม่รู้สึอ่อนเพลีย และรู้สึกวูบ ผู้ป่วยไม่ต้องวิตกกังวลเช่นกัน เพราะอาการป่วยจะเริ่มดีขึ้น สดชื่นขึ้น ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย และร่างกายจะแข็งแรงขึ้นตามลำดับ


ช่วงระยะกินเห็ดหลินจือรักษาโรคเมื่อไปตรวจจะพบว่า ค่าเอนไซม์ตับอาจจะสูงขึ้นหรือท้องโตขึ้นอีกเล็กน้อยแต่ไม่แน่นท้อง และค่อยๆ ลดลง จนเป็นปกติ ผู้ป่วยไม่ควรวิตกกังวลเพราะอาการป่วย และสุขภาพของผู้ป่วยจะเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น รู้สึกสดชื่น ไม่เหนื่อย ไม่อ่อนเพลีย



จากงานวิจัยเกี่ยวกับสารในเห็ดหลินจือ พบว่า มีทั้งส่วนที่เป็นดอก ราก และสปอร์

แต่ในส่วนที่เป็น สปอร์ มีสารสำคัญมากกว่าส่วนอื่น โดยเฉพาะสปอร์ที่กะเทาะเปลือกหรือผนังหุ้มแล้ว


จากประโยชน์ของเห็ดหลินจือ หลากหลายข้างต้น ดังนั้น หากคุณเพิ่งจะกินเห็ดหลินจือและร่างกาย มีอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นผลมาจากการที่สารสำคัญ จากเห็ดหลินจือกำลังช่วยขับสารพิษซึ่งอาจสะสมมานาน
จนเมื่อร่างกายได้ฟื้นฟูและปรับสมดุลแล้ว ก็สามารถกินเห็ดหลินจือติดต่อกันได้โดยไม่มีโทษ และผลข้างเคียงที่เป็นพิษต่อร่างกาย
 

^-^ กดปุ่มแชร์ในโซเชียลมีเดีย ถ้าบทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณ แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ให้เพื่อนๆ เพื่อคนไทยมีสุขภาพที่ดี!! ^-^


ดู 130 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page